ประมวลแบบของกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561)
9
5
ประเภททรัพยากร
จำนวนหน้า/ขนาด
111
วันที่เผยแพร่
2561-06
ข้อมูลอ้างอิง
(2018). ประมวลแบบของกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561). Retrieved from: https://hdl.handle.net/20.500.14156/603977.
สารบัญ
ปก
สรุปสาระสำคัญ
คำนำ
สารบัญ
บทที่ 1 บทนำ
-1. เหตุผลและความจำเป็นในการจัดทำองค์ความรู้
-2. วัตถุประสงค์
-3. ประโยชน์ของการจัดทำองค์ความรู้
--3.1 ผลผลิต (Output)
--3.2 ผลลัพธ์ (Outcome)
บทที่ 2 ประมวลแบบของกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
-ประเด็นที่ 1. บันทึกหลักการและเหตุผล
--บันทึกหลักการและเหตุผล จะต้องมีความสอดคล้องกับหลักการและเนื้อหาในร่างพระราชบัญญัติ
-ประเด็นที่ 2. การเขียนหัวร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ
--2.1 แบบการเขียนชื่อร่างพระราชบัญญัติในหัวเรื่องจะเขียนแบ่งออกเป็น 4 บรรทัด
--2.2 ชื่อร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย ในส่วนหัวร่างพระราชบัญญัติต้องเขียนเป็น 4 บรรทัด เพื่อให้เป็นรูปแบบเดียวกับร่างพระราชบัญญัติทั่วไป
-ประเด็นที่ 3 ชื่อร่างพระราชบัญญัติ
--3.1 "ชื่อร่างพระราชบัญญัติ" ต้องบัญญัติให้สอดคล้อมตรงกับหลักการและเนื้อหาสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนั้น ๆ
--3.2 การบัญญัติชื่อร่างพระราชบัญญัติซึ่งเป็นกฎหมายภายในไม่จำเป็นต้องใช้คำที่แปลจากรากศัพท์โดยตรงหรือเป็นคำที่ตรงกับอนุสัญญา แต่ควรใช้คำให้สื่อถึงเนื้อหาของกฎหมาย
-ประเด็นที่ 4 มาตรารักษา
--4.1 กรณีที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีบทเฉพาะกาลหรือบทบัญญัติเอกเทศจะต้องมีบทบัญญัติมาตรารักษาการ เพื่อกำหนดให้มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบดูแลการปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
--4.2 หากมีการบัญญัติหลักการโดยการให้รัฐมนตรีมีอำนาจในการที่จะออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าอากรหรือค่าธรรมเนียมให้แตกต่างกันได้ แต่ต้องไม่เกินอัตราค่าอากรหรือค่าธรรมเนียมที่กำหนดไว้ท้ายพระราชบัญญัติแล้ว ให้นำมาบัญญัติไว้ในมาตรารักษาการ
--4.3 กรณีเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติได้บัญญัติให้การปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายนั้นมีความเกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีมากกว่าหนึ่งกระทรวง ในมาตรารักษาการจะต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ามีรัฐมนตรีกระทรวงใดบ้างเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายนั้น
--4.4 ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้มีรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายหลายคน รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจะต้องพิจารณาในเรื่องของอำนาจหน้าที่ว่ามีบทบัญญัติใดที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของตน รัฐมนตรีผู้นั้นจะต้องเป็นผู้รักษาการในเรื่องนั้น ซึ่งร่างพระราชบัญญัติบางฉบับก็มีการกำหนดชัดเจนว่า "ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของตน" แต่ถึงแม้ว่าร่างพระราชบัญญัติบางฉบับจะไม่ได้กำหนดเรื่องอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีผู้รักษาการไว้ แต่ต้องตีความตามความหมายว่ารัฐมนตรีรักษาการมีหน้าที่รักษาการเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน
-ประเด็นที่ 5 บทเฉพาะกาล
--5.1 กระทำไปตามกฎหมายเดิม หรือรองรับให้กฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง ที่มีผลใช้บังคับ การบัญญัติบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับสถานะของบุคคล หรือรองรับกิจการใดที่ได้อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติฉบับใหม่มีผลใช้บังคับ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีกฎกระทรวงระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง ที่ออกตามพระราชบัญญัติฉบับใหม่นั้น จะต้องมีการระบุพระราชบัญญัติฉบับเดิมที่ให้อำนาจในการแต่งตั้งบุคค
--5.2 การเขียนบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับตำแหน่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ตามกฎหมายฉบับปัจจุบัน เพื่อให้ดำรงตำแหน่งที่มีการกำหนดขึ้นใหม่ตามกฎหมายฉบับใหม่
-ประเด็นที่ 6 การเขียนมาตราคลุม
--6.1 การแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกบทบัญญัติของกฎหมายในมาตราที่เคยมีการแก้ไขเพิ่มเติมมาก่อนจะต้องอ้างถึงพระราชบัญญัติฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งสุดท้ายเอาไว้ในมาตราคลุมด้วย แต่หากเป็นกรณีการเพิ่มมาตราขึ้นใหม่ไม่ต้องอ้างถึงพระราชบัญญัติฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
--6.2 ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมฉบับใด หากมีการเพิ่มบทบัญญัติเป็น "มาตราแรกหรือมาตราสุดท้าย" ของลักษณะ หมวด หรือส่วน ของพระราชบัญญัติเดิม การเขียนมาตราคลุมจะต้องระบุด้วยว่าเป็นการเพิ่มมาตราขึ้นใหม่ในลักษณะ หมวด หรือส่วนใด ทั้งนี้ เพื่อให้มีความชัดเจนว่ามาตราที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวนั้น จะบัญญัติไว้เป็นมาตราแรกหรือมาตราสุดท้ายของลักษณะ หมวด หรือส่วนใดของร่างพระราชบัญญัติฉบับนั้น
--6.3 การเขียนประวัติการยกเลิกกฎหมายในมาตราคลุม ใช้คำว่า "ซึ่งถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติ..." จะไม่ใช้คำว่า "ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ..."
--6.4 การเขียนมาตราคลุมกรณีเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมวรรคในมาตราของกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน มีรูปแบบในการเขียนโดยให้ยกเลิกความเดิมและบัญญัติความใหม่ขึ้นแทนมีแบบการเขียน ดังนี้ "มาตรา .. ให้ยกเลิกความในวรรค...ของมาตรา .. แห่งพระราชบัญญัติ...และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน"
-ประเด็นที่ 7 แนวทางการเขียนบทบัญญัติเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติ
--7.1 การกำหนดเหตุแห่งการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรณีของบุคคลล้มละลายหรือบุคคลล้มละลายทุจริต จะไม่ใช้คำว่า "เคยเป็น..." ทั้งนี้ เพราะคำว่า "เคยเป็น" จะกำหนดเป็นลักษณะต้องห้ามซึ่งจะต้องถูกตรวจสอบประวัติก่อนเข้าสู่ตำแหน่ง แต่เมื่อเข้าสู่ตำแหน่งแล้ว ต่อมาศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเป็นบุคคลล้มละลายทุจริตในขณะที่อยู่ในตำแหน่งแล้วจะต้องใช้คำว่า "เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต" เท่านั้น
--7.2 เกี่ยวกับบทสันนิษฐานให้กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้นต้องรับโทษอาญาร่วมกับการกระทำความผิดของนิติบุคคลจะต้องบัญญัติให้สอดคล้องกับแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 12/2555 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2555
--7.3 ร่างพระราชบัญญัติใดที่ได้กำหนดให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับ "การเปรียบเทียบปรับ" ไว้แล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบัญญัติข้อความว่า "ถ้าผู้ต้องหาหรือผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบหรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระเงินค่าปรับให้ดำเนินคดีต่อไป" เอาไว้อีก ทั้งนี้ เนื่องจากกรณีดังกล่าวได้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไป
--7.4 รูปแบบการเขียนอนุมาตรา (..) หากอนุมาตราหลักใช้ "ระบบตัวเลข" แล้ว ในอนุมาตราย่อยจะต้องใช้ "ระบบตัวอักษร" ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดความสับสนในการบังคับใช้กฎหมาย
--7.5 บทบัญญัติเกี่ยวกับโทษทางปกครองในกรณี "ตำหนิโดยเปิดเผยต่อสาธารณชน" สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติให้ตัดออก เนื่องจากในทางปฏิบัติแม้มีการบัญญัติเรื่องนี้ไว้ในกฎหมายอื่น ๆ ก็มิได้มีการบังคับใช้
--7.6 การกำหนดอัตราโทษจำคุกกับโทษปรับในร่างพระราชบัญญัติเดียวกันควรต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งฉบับ เว้นแต่มีเหตุผลพิเศษ จึงกำหนดได้ตามความเหมาะสม
--7.7 การเรียงลำดับกฎหมายลำดับรองจะเรียงลำดับ ดังนี้ "กฎกระทรวง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ"
--7.8 กรณีที่ร่างพระราชบัญญัติมีบทบัญญัติกำหนดให้มีการออกกฎหมายลำดับรองให้กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองของหน่วยงานไว้ในบทเฉพาะกาล
--7.9 การเขียนบทเฉพาะกาลรองรับกฎหมายลำดับรองตามกฎหมายเดิม
--7.10 การนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งใดกฎหมายจะกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำความกราบบังคมทูล จะไม่กำหนดให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี
--7.11 อธิบายความหมายของการใช้คำว่า "โรคติดยาเสพติดให้โทษ" และคำว่า "ติดยาเสพติดให้โทษ"
--7.12 การใช้ถ้อยคำ คำว่า "ในวันก่อนวันที่"
--7.13 การแก้ไขชื่อกระทรวงในร่างพระราชบัญญัติให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่อกระทรวงใหม่ตามร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงฯ ซึ่งรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา
--7.14 การเขียนอ้างถึงบทบัญญัติมาตราอื่นในร่างพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน
--7.15 การใช้คำว่า "ให้นำความในมาตรา.." แทนคำว่า "ให้นำบทบัญญัติมาตรา.." และคำว่า "ให้นำมาตรา.." และใช้คำว่า "มาบังคับ...ด้วยโดยอนุโลม" แทนคำว่า "มาบังคับ…โดยอนุโลม"
--7.16 การใช้คำว่า "ชอบด้วยกฎหมาย"
--7.17 กรณีการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการระดับจังหวัด
--7.18 การเขียนบทบัญญัติเกี่ยวกับคุณสมบัติของกรรมการ
--7.19 การใช้คำว่า "ภายใต้บังคับ"
--7.20 กรณีการนำบทบัญญัติของกฎหมายเดิมมาบัญญัติในกฎหมายใหม่ (Restatement)
-ประเด็นที่ 8 บัญชีท้ายพระราชบัญญัติ
--กรณีพระราชบัญญัติฉบับแรก (ก่อนแก้ไขเพิ่มเติม) ไม่มีบัญชีท้ายพระราชบัญญัติแต่ร่างพระราชบัญญัติฉบับแก้ไขเพิ่มเติมได้กำหนดให้มีบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ ดังนั้น ในร่างพระราชบัญญัติฉบับแก้ไขเพิ่มเติมในภายหลังจึงต้องมีบทบัญญัติที่กำ หนดให้บัญชีท้ายพระราชบัญญัติของร่างพระราชบัญญัติฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเป็นบัญชีท้ายพระราชบัญญัติของพระราชบัญญัติฉบับแรกด้วย
-ประเด็นที่ 9 การแนบข้อบทของความตกลงไว้ท้ายร่างพระราชบัญญัติ
--ร่างพระราชบัญญัติใดกล่าวอ้างถึงข้อบทของความตกลงท้ายพระราชบัญญัติ จะต้องแนบข้อบทของความตกลงไว้ท้ายร่างพระราชบัญญัติด้วย
บทที่ 3 บทสรุปและข้อเสนอแนะ
-บทสรุป
-ข้อเสนอแนะ
เอกสารอ้างอิง
ภาคผนวก
-คณะผู้จัดทำ