รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร
dc.contributor.author | ชมพูนุช ตั้งถาวร | |
dc.contributor.author | สติธร ธนานิธิโชติ | |
dc.contributor.author | ณัชชาภัทร อมรกุล | |
dc.contributor.author | วราภรณ์ ขันตีมิตร | |
dc.contributor.author | อัษฎา พรสกุลคริสต์ | |
dc.contributor.orgUnit | สถาบันพระปกเกล้า | |
dc.date.accessioned | 2025-09-18T07:02:56Z | |
dc.date.available | 2025-09-18T07:02:56Z | |
dc.description.abstract | บทคัดย่อ งานวิจัยเรื่อง “การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาและเสนอแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างพระราชบัญญัติที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยมีขอบเขตการศึกษาวิจัยอยู่ในการพิจารณาร่างกฎหมายในช่วงสมัยสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 จากผลการศึกษาพบว่าในช่วงสมัยสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 กฎหมายที่ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรมักจะเป็นร่างกฎหมายที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี โดยร่างกฎหมายที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งอาจจะต้องพบกับอุปสรรคตั้งแต่ขั้นตอนการยกร่างกฎหมาย นั่นคือ ร่างกฎหมายที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรีจะมีระบบในการยกร่างที่ชัดเจนและมีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทำหน้าที่ในการยกร่างและตรวจสอบความเรียบร้อย ในขณะที่ร่างกฎหมายที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้น มีการริเริ่มจัดทำที่ไม่ชัดเจน และแม้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะสามารถช่วยดำเนินการได้ แต่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรก็อาจมีข้อจำกัดในการแสดงความคิดเห็นเรื่องความจำเป็นในการตรากฎหมาย ในส่วนของการนำร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาวาระแรกนั้น พบว่าร่างกฎหมายที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมักจะถูกตีความว่าเป็นร่างกฎหมายเกี่ยวด้วยการเงิน ส่งผลให้ต้องรอคำรับรองจากนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่มีกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญใดกำหนดกรอบเวลาอย่างชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาภายในเวลาเท่าใด ส่งผลให้ร่างกฎหมายบางฉบับต้องรอคำรับรองเป็นเวลาเกือบปี อีกทั้งในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่ให้คำรับรองก็มักจะไม่มีการแสดงเหตุผลซึ่งทำให้เกิดการตั้งคำถามในมุมของผู้เสนอร่างกฎหมายเป็นอย่างมาก ส่วนในชั้นการพิจารณาร่างกฎหมายนั้น ในกรณีที่มีร่างกฎหมายหลายฉบับเสนอเข้าสู่การพิจารณาพร้อมกัน ร่างกฎหมายที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรีก็จะได้รับการเลือกให้เป็นร่างหลักที่ใช้ในการพิจารณา ซึ่งในกรณีที่ร่างกฎหมายของคณะรัฐมนตรีมีความแตกต่างจากร่างกฎหมายที่เสนอโดยภาคประชาชนหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็จะสร้างความกังวลให้แก่ภาคประชาชนว่าสุดท้ายร่างกฎหมายที่ได้ออกมาจะมีความแตกต่างจากร่างกฎหมายของภาคประชาชนจนผิดจากเจตนารมณ์หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ท่าทีของรัฐบาลในประเด็นดังกล่าวหรือประเด็นใกล้เคียงเป็นไปในทิศทางที่สวนทางกับแนวคิดหลักของกฎหมายที่ต้องพิจารณา ผลการศึกษามีข้อเสนอว่าในส่วนของการจัดทำร่างกฎหมายนั้น ควรมีการดำเนินการตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยเฉพาะการตรวจสอบความจำเป็นในการตรากฎหมายและการรับฟังความคิดเห็นก่อนการจัดทำร่างกฎหมาย ซึ่งจะทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการเริ่มเสนอกฎหมายมีโอกาสที่จะทำการสื่อสารกันและร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายอย่างเดียวกัน ที่สำคัญ ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบความจำเป็นในการตรากฎหมาย เพื่อให้ร่างกฎหมายที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือประชาชนมีความครอบคลุมและไม่ลักลั่นกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ ในส่วนของชั้นการพิจารณาร่างกฎหมายนั้น แม้ว่าจะหลีกเลี่ยงการเลือกร่างกฎหมายของคณะรัฐมนตรีเป็นร่างกฎหมายหลักไม่ได้ แต่ก็ควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าหากบังคับใช้บทบัญญัติมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัดแล้ว ก็จะทำให้ได้ร่างกฎหมายที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง อีกทั้งควรมีการชี้แจงกติกาในการประชุมให้แก่ภาคประชาชนที่เป็นกรรมาธิการเข้าใจ ที่สำคัญ ในการพิจารณาร่างกฎหมายควรมุ่งเน้นการใช้มุมมองแบบบูรณาการเพื่อให้ได้ร่างกฎหมายที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์มากที่สุดไม่ว่าร่างกฎหมายนั้นจะเสนอโดยฝ่ายใดก็ตาม และในส่วนของการให้คำรับรองของนายกรัฐมนตรีนั้น มีข้อเสนอว่าควรกำหนดเวลาในการให้คำรับรองร่างกฎหมายเกี่ยวด้วยการเงินของนายกรัฐมนตรี และในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่รับรอง ก็จะต้องมีการชี้แจงเหตุผลด้วย | |
dc.description.abstract | Abstract The objective of this research is to study the issues and propose approaches to enhance the efficiency and effectiveness in the consideration of draft bills by the House of Representatives, particularly those proposed by Members of Parliament (MPs) and eligible voters. The scope of the research focuses on the consideration of draft laws during the 25th House of Representatives session. The study found that during the 25th session, most of the laws that passed through the House of Representatives were draft bills proposed by the Cabinet. Draft bills proposed by MPs or eligible voters often face obstacles from the drafting stage. Cabinet-proposed bills have a clear drafting process and are supported by the Office of the Council of State, which is responsible for drafting and legal review. In contrast, draft bills proposed by MPs and citizens often lack a clear drafting structure. Although the Secretariat of the House of Representatives can assist in this process, its staff may face limitations in expressing opinions on the necessity of such laws. In the first stage of the legislative process, draft bills proposed by MPs or citizens are often interpreted as money bills. This interpretation necessitates certification from the Prime Minister. However, there are no legal or constitutional provisions specifying a timeframe for the Prime Minister's review. As a result, some bills may wait for certification for nearly a year. Furthermore, when the Prime Minister refuses to certify a bill, reasons are typically not provided, which raises concerns among the bill’s proponents. During the legislative consideration process, when multiple draft bills are proposed simultaneously, the Cabinet's version is usually selected as the principal bill for consideration. If the Cabinet’s draft differs from that proposed by the public or MPs, it raises concerns that the final version may deviate significantly from the original intentions of the public’s version especially when the government’s stance on the issue is contrary to the core concepts of the draft law. The study recommends that the process of drafting bills should comply with Article 77 of the Constitution of the Kingdom of Thailand, particularly in terms of assessing the necessity of the law and conducting public consultations before drafting. This would allow MPs and citizens especially those initiating draft bills to engage in dialogue and coordinate efforts toward laws with shared objectives. Most importantly, a proper assessment of legal necessity should ensure that bills proposed by MPs or citizens are comprehensive and do not conflict with existing laws. In the legislative review stage, while it may be unavoidable to use the Cabinet’s draft as the principal version, public participation should be strengthened. Strict enforcement of Article 77 of the Constitution and the Act on Principles for Drafting Laws and Assessing Legislative Effectiveness B.E. 2562 (2019) would ensure meaningful public involvement. Moreover, clear procedural guidelines should be provided to citizen commissioners participating in the review process. Crucially, the legislative review process should adopt an integrated perspective to produce laws that align with the original intent, regardless of the proposing party. As for the Prime Minister’s certification of money bills, the study suggests setting a specific time frame for certification. If the Prime Minister refuses to certify, reasons should be provided to maintain transparency. | |
dc.description.sponsorship | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร | |
dc.description.tableofcontents | ปก บทคัดย่อ Abstract Graphical abstract บทสรุปเชิงนโยบาย Policy Brief สารบัญ บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาในการวิจัย กรอบความคิดการวิจัย วัตถุประสงค์ ขอบเขตการวิจัย ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ บทที่ 2 การทบทวนวรรณกรรม แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 1. แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับประชาธิปไตย (Democracy) 2. แนวคิดและลักษณะของระบบรัฐสภา (Parliamentary System) 3. แนวคิดเกี่ยวกับการตรากฎหมายที่ดี 4. แนวคิดเกี่ยวกับการอภิบาลบนฐานของของร่วมมือ (Collaborative Governance) การบริหารจัดการการปกครองแบบเครือข่าย (Network Governance) และการมีส่วนร่วมของประชาชน (People’s Participation) บทสรุปและข้อเสนอของงานวิจัยที่เกี่ยวกับการพัฒนากระบวนการนิติบัญญัติเพื่อให้ได้กระบวนการนิติบัญญัติที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กรอบแนวคิดในการวิจัย บทที่ 3 ระเบียบวิธีวิจัย 1. วิธีการศึกษาวิจัย 2. วิธีการรวบรวมข้อมูล 3. การวิเคราะห์ข้อมูล บทที่ 4 ผลการศึกษาวิจัย 1. กระบวนการนิติบัญญัติในต่างประเทศ 1.1 กระบวนการนิติบัญญัติในประเทศอังกฤษ 1.2 กระบวนการนิติบัญญัติในเครือรัฐออสเตรเลีย 1.3 กระบวนการนิติบัญญัติในประเทศญี่ปุ่น 1.4 กระบวนการนิติบัญญัติในสหพันธรัฐเยอรมนี 1.5 กระบวนการนิติบัญญัติในประเทศอินเดีย 1.6 กระบวนการนิติบัญญัติในประเทศฟินแลนด์ 1.7 การวิเคราะห์กระบวนการนิติบัญญัติในประเทศต่างๆ: จุดร่วม ความแตกต่าง และข้อเสนอแนะสำหรับประเทศไทย 2. กระบวนการนิติบัญญัติในประเทศไทยสมัยสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 2.1 กระบวนการนิติบัญญัติภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 2.2 การพิจารณาร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 และกรณีศึกษาของการพิจารณาร่างกฎหมาย บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 1. สรุปผลการศึกษาวิจัย 2. การอภิปรายผล 3.ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และบทบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในกระบวนการนิติบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร บรรณานุกรม เอกสารภาษาไทย เอกสารภาษาต่างประเทศ | |
dc.format.extent | 188 | |
dc.format.mimetype | application/pdf | |
dc.identifier.uri | https://hdl.handle.net/20.500.14156/2008339 | |
dc.language.iso | tha | |
dc.publisher | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร | |
dc.relation.uri | https://hdl.handle.net/20.500.14156/2008383 | |
dc.rights | สามารถนําไปเผยแพร่ได้ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | |
dc.rights.holder | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร | |
dc.subject | ร่างพระราชบัญญัติ | |
dc.subject | สถาบันพระปกเกล้า | |
dc.subject | สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 | |
dc.subject | ร่างกฎหมาย | |
dc.title | รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร | |
dc.type | Text | |
dcterms.accessRights | Open access | |
mods.genre | รายงานการวิจัย | |
nalt.date.issuedBE | 2567 | |
nalt.note | ได้รับทุนในการวิจัยจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | |
nalt.publicationPlace | กรุงเทพฯ |